มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลการวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึง ภัยจากสารมลพิษ ที่เกิดขึ้นใหม่ในเวลานี้ จะส่งผลกระทบวงจรสิ่งแวดล้อมโลกทั้งระบบ ภัยจากสารมลพิษ – ในขณะที่โลกยุคปัจจุบันต้องเผชิญกับ “โรคอุบัติใหม่” ที่ท้าทายวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนบนโลกให้ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อการดำรงอยู่ต่อไป “สารมลพิษอุบัติใหม่” ก็ยังคงเป็นปัญหาที่คอยทำร้ายมนุษย์ และทำลายสิ่งแวดล้อมทั้งระบบของโลก
รองศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณา บุญตานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ชี้ให้เห็นถึงอุบัติการณ์สารมลพิษอุบัติใหม่ว่าส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อวงจรสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งระบบ โดยเริ่มจากการที่มนุษย์บริโภคและอุปโภคสารมลพิษอุบัติใหม่ที่ตกค้างในอาหารและข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำ และวนกลับมาที่มนุษย์ เมื่อมีการนำน้ำที่มีสารมลพิษอุบัติใหม่ตกค้างนั้น กลับมาสู่ระบบสาธารณูปโภครวมถึงการส่งต่อจากการที่มนุษย์นำสัตว์น้ำซึ่งอยู่ในแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนสารมลพิษอุบัติใหม่นั้นมาบริโภค
ไม่ว่าจะเป็นสารกันติดที่ใช้เคลือบกระทะ พลาสติกเคลือบภาชนะกระดาษบรรจุอาหาร หรือการนำเข้าสัตว์น้ำจากแหล่งผลิตที่ปนเปื้อน ล้วนเป็นสารมลพิษอุบัติใหม่ที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อสุขภาวะของมนุษย์ รวมทั้งระบบห่วงโซ่อาหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ
ในขณะที่สังคมไทยยังไม่มีความใส่ใจกันเท่าที่ควร โดยจากการลงพื้นที่ศึกษาวิจัยนิคมอุตสาหกรรมหลักๆ ภายในประเทศไทยกว่า10 แห่งที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยนำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณา บุญตานนท์ ยังคงพบการปนเปื้อนของสารมลพิษอุบัติใหม่ในเปอร์เซ็นต์สูงแทบทั้งสิ้น
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณา บุญตานนท์ มองว่าปัญหาการปนเปื้อนของสารมลพิษอุบัติใหม่เป็นปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งระบบ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือแบบบูรณาการจากทุกฝ่าย ลำพังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่อาจแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลูกฝังคนรุ่นใหม่ให้เกิดจิตสำนึกใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งการสร้างความเชื่อมั่นจากแรงบันดาลใจให้เห็นประโยชน์ร่วมกัน จะเป็นพลังสำคัญที่จะทำให้คนรุ่นใหม่สามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกันเพื่อโลกใบนี้ได้อย่างเต็มที่
ด้านนาย แมตต์ แฮนค็อก กล่าวทางการจะแถลงถึงแผนการแจกจ่ายวัคซีนในเร็วๆนี้ ซึ่งแผนการดังกล่าวจะเป็นการนำทางการอังกฤษออกสู่วิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้นายแฮนค็อกระบุว่ามีประชาชนได้รับวัคซีนแล้ว 2 ล้านคน และมีประชาชนกว่า 2 แสนคนได้รับวัคซีนต่อวัน
เตือน! เคี้ยวกระท่อม ไม่ควรเกิน 5 ใบ เสี่ยงภาวะ ถุงท่อมในท้อง
กรมการแพทย์ เตือนหลังกระแสพลังใบว่า เคี้ยวกระท่อม ไม่ควรเกิน 5 ใบ หากเกิน เสี่ยงภาวะ ถุงท่อมในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และ ชักได้ นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้ออกมากล่าวถึงใบกระท่อมหลังจากที่ก่อนหน้านี้กลายเป็นกระแส เนื่องจาก บีม ศรัณยู ประชากริช พิธีกรและนักแสดงชื่อดังที่เคี้ยวใบกระท่อม จนทำให้เกิดกระแสพลังใบนั้น
โดย นพ.มานัส ระะบุว่า เดิมประเทศไทยจัดให้ “กระท่อม” เป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 แต่ปัจจุบันมีการปลดล็อกกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 2564 ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูก ซื้อ ขาย ใบสด ที่ไม่ได้ปรุงหรือทำเป็นอาหารได้โดยไม่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม กระท่อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ปานกลางเป็นสมุนไพรท้องถิ่นที่ชาวบ้านใช้กันมาอย่างยาวนาน โดยใช้ใบสดหรือใบแห้งนำมาเคี้ยว สูบ หรือชงเป็นน้ำชา เพื่อให้มีแรงทำงานได้นานขึ้น รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ไม่อยากอาหาร ทนแดดมากขึ้น แต่จะเกิดอาการหนาวสั่นเวลาครึ้มฟ้าครึ้มฝน ในคนที่รับประทานใบกระท่อมเป็นครั้งแรก อาจจะมีอาการมึนงง คอแห้ง คลื่นไส้อาเจียน หากใช้ในปริมาณมากอาจจะทำให้เกิดอาการเมา เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อทรงตัว ระบบประสาทรับสัมผัสตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ลดลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
“ในรายที่ใช้มากๆ หรือใช้มาเป็นระยะเวลานาน มักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ทำให้มีผิวสีคล้ำและเข้มขึ้น การรับประทานใบกระท่อมไม่ควรรับประทานเกินวันละ 5 ใบโดยรูดก้านใบออกแล้วเคี้ยวเหมือนการเคี้ยวหมาก และไม่ควรกลืนกากเพราะกากใบเป็นเส้นใยที่ย่อยยาก เมื่อรับประทานบ่อยๆ อาจทำให้เกิด “ถุงท่อม” ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนแข็งอยู่ในท้องและทำให้ปวดท้องได้” นพ.มานัสกล่าว
ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า ใบกระท่อมมีสารสำคัญ คือ ไมทราไจนีน (Mitragynine) เป็นสารจำพวกอัลคาลอยด์ ออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง คล้ายฝิ่น แต่มีฤทธิ์น้อยกว่าประมาณ 10 เท่า และ 7-hydroxymitragynine พบน้อยมากในใบกระท่อมสด แต่มีฤทธิ์รุนแรงกว่ากว่ามอร์ฟีน 100 เท่า
เมื่อรับประทานใบกระท่อมบางรายอาจทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน โดยทำให้ใจสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ชัก ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ประสาทหลอน สับสน กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ เหงื่อออก ความดันโลหิตสูง อาจพบอาการซึมมากในผู้ที่รับประทานใบกระท่อมปริมาณมาก คือ มากกว่า 15 กรัมของใบกระท่อม หรือประมาณใบ 10 ใบ เมื่อหยุดใช้ใบกระท่อมจะทำให้เกิดอาการอยากรุนแรง (Craving) และมีอาการถอน เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอนไม่หลับ หงุดหงิด อ่อนเพลีย ท้องเสีย น้ำมูกไหล แขนขากระตุก
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป